วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

# จามมีความเร็วพอๆกับรถแข่ง

ฮัดเช้ยยยย!! เช้านี้อากาศไม่ค่อยดีเลย พี่มิ้นท์เลยเผลอหลับตาปี๋แล้วจามไปเบาๆ จามออกไปแล้วค่อยรู้สึกโล่งขึ้นหน่อย

            ช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้น้องๆ คงประสบปัญหาการจามอยู่บ่อยๆ เหมือนกันใช่มั้ยคะ แต่ว่านอกจากอากาศเย็นๆ แล้วบางทีแค่ได้กลิ่นอาหารฉุนๆ หรือเจอฝุ่นละอองก็จามเหมือนกัน บางคนก็เลยงงว่าสรุปแล้วการจามนี่เกิดจากอะไรกันแน่?? ใครที่กำลังสงสัยเรื่องนี้อยู่ วันนี้พี่มิ้นท์มีคำตอบมาฝาก พร้อมกับเรื่องไม่น่าเชื่ออีกหลายอย่างที่เกี่ยวกับการจามเลยค่ะ รับรองว่าเด็ดๆ ทั้งนั้น
 


 
   "การจาม" เป็นกลไกของร่างกายที่มีอยู่ในตัวทุกคน
          เคยเห็นคนไม่จามมั้ยคะ 5555 ใครที่ไม่จามนอกจากจะแปลกแล้ว อาจดูไม่ปกติอีกด้วย เพราะโดยปกติแล้วการจามเป็นกลไกอัตโนมัติในร่างกาย เมื่อมีสิ่งแปลกปลอม เช่น ฝุ่นละออง อากาศเย็น น้ำหอม ควันบุหรี่ ฯลฯ มาสัมผัสบริเวณเนื้อเยื่อบุทางเดินหายใจที่อยู่ในจมูกเลยทำให้ระคายเคืองและคันจมูก ต่อมาจะมีการส่งสัญญาณคันนี้ขึ้นไปยังสมอง สมองก็จะสั่งให้จามออกมา โดยจะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อคอหอยและหลอดลม และเปิดช่องปาก โพรงจมูกให้กว้างขึ้นเพื่อให้สามารถเอาสิ่งแปลกปลอมหรือสารที่ระคายออกมาได้นั่นเอง

          และสำหรับคนที่เป็นหวัดหรือติดเชื้อ การจามจะเป็นการแพร่กระจายเชื้อโรคเพราะเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำหรือเมือกที่ออกมาเวลาเราจามค่ะ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่น หากเราเป็นคนจามควรปิดปากทุกครั้ง หรือกลับมาบ้านล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งของที่เราจับข้างนอกนั่นปลอดภัยจากเชื้อไวรัสขนาดไหน

          ขอเม้าท์แทรกนิดนึง พี่มิ้นท์เคยยืนอยู่ป้ายรถเมล์ แล้วคนข้างๆ จามแต่เอามือปิดปาก ดูเหมือนไม่มีอะไรใช่มั้ยคะ แต่จริงๆ ตะลึงกว่านั้นเพราะในมือที่เอามาปิดปากกำลังกำธนบัตรใบละ 20 บาทอยู่ ขอเดาต่อไปว่าแบงค์นั้นต้องนำไปจ่ายค่ารถแน่นอน หึหึ


 
    "การจาม" 1 ครั้ง ใช้อวัยวะในร่างกายหลายส่วน
        เคยสังเกตมั้ยว่า เวลาเราจามแต่ละครั้ง แทบจะสั่นไปทั้งตัว ยิ่งถ้าต้องจามติดต่อกันหลายครั้ง กว่าจะจามเสร็จนี่ล่อเอาเหนื่อย หน้าท้องเกร็ง หายใจแทบไม่ทัน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าการจามซึ่งเป็นกลไกอัตโนมัติของร่างกายนี้ใช้อวัยวะหลายส่วนในการทำงานค่ะ ตั้งแต่ใบหน้าของเรา คอ กล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อส่วนท้อง กะบังลม กล้ามเนื้อควบคุมสายเสียง กล้ามเนื้อด้านหลังลำคอ (โห เยอะจริงๆ ด้วย) ในการจาม  1 ครั้ง อวัยวะเหล่านี้จะทำหน้าที่ของมันอย่างสัมพันธ์กัน และเวลาที่จามนั้น อวัยวะในร่างกายทุกส่วนจะหยุดทำงานชั่วคราวค่ะ เช่น หยุดหายใจ เปลือกตาปิด พูดไม่ได้ เป็นต้น

 

    ความเร็วในการ "จาม" เร็วพอๆ กับรถซิ่ง!!
          ต่อให้เราฮัดชิ้วๆ แบบกุ๊กกิ๊กน่ารักหรือเบาแค่ไหนก็ต้องบอกเลยว่า การจามแต่ละครั้งจะมีแรงลมถูกอัดออกมา โดยอัตราความเร็วของการจามแต่ละครั้งสูงถึง 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเทียบกับความเร็วของรถ ต้องบอกว่าเร็วจนเด็กแว้นเรียกพี่เลยค่ะ และความเร็วขนาดนี้ทำให้บางคนจามออกมามีเสียงดัง และจามค่อนข้างแรง

          ความเร็วขนาดนี้ยังก่อให้เกิดอันตรายได้ด้วยนะคะ โดยเฉพาะถ้าน้องๆ รู้สึกจะจามแต่อั้นจามไว้ ซึ่งการกลั้นจามจะทำให้เกิดแรงอัดภายใน อาจทำให้เยื่อแก้วหูแตกได้เลยทีเดียว ดังนั้นถ้ารู้สึกจะจามก็ปล่อยออกมาเลยค่ะ ขอแค่อย่างเดียว ปิดปากด้วยค่ะ (การจาม 1 ครั้งโดยไม่ปิดปาก จะมีละอองออกมาถึง 100,000 หยดฟุ้งไปทั่ว)

 

  ก่อนจามอย่าลืมใช้มือ/ทิชชู่/ผ้า ปิดปากนะคะ

 
     ระหว่าง "จาม" จะลืมตาไม่ขึ้น
           อ่านหัวข้อนี้จบหลายคนคงนึกอยากไปลองทำกันแน่เลย แต่พี่มิ้นท์ไม่แนะนำให้ลองทำนะคะ เพราะถึงผลจะออกมาว่าลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ แต่มันก็เสี่ยงอันตรายค่ะ ซึ่งหัวข้อที่แล้วพี่มิ้นท์ได้บอกไปแล้วว่าการจามแต่ละครั้งมีความเร็วสูงถึง 150-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะเกิดแรงดันสูงมาก ซึ่งเป็นอันตรายต่อเบ้าตาของเราค่ะ หากเปลือกตาไม่ปิดลงอาจทำให้ลูกตาหลุดออกมาหรือบาดเจ็บที่เบ้าตาได้ เฮือก!! ดังนั้นเมื่อรู้สึกจะจาม สมองก็เลยสั่งให้เปลือกตาปิดลงอย่างรวดเร็ว ถือว่าเป็นกลไกของร่างกายที่ไว้ป้องกันอันตรายค่ะ  ได้ยินอย่างนี้แล้วยังอยากลองทดสอบอีกมั้ย
 
        แค่รู้ว่าการกลั้นจามอาจทำให้เยื่อแก้วหูแตกได้ก็ว่าน่ากลัวแล้ว มาเจอความโหดใหม่ว่าถ้าลืมตาระหว่างจาม แรงดันอาจทำให้ตาหลุดออกจากเบ้าได้ ต้องขอกลับไปตั้งสติแป๊บ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่ากลไกการป้องกันอันตรายของมนุษย์นี่น่าทึ่งจริงๆ

        ปิดท้าย พี่มิ้นท์มีคลิปการจามแบบ slow motion จะว่าฮาก็ฮา จะว่าน่ากลัวก็น่ากลัว เป็นคลิปที่หลากอารมณ์จริงๆ แต่ยังไงก็ได้ความรู้เกี่ยวกับคลิปนี้นะคะ เพราะปกติเราไม่เคยเห็นภาพการจามแบบช้าๆ เลย ที่สำคัญเมื่อเห็นแล้วว่าจามออกมามักจะมีน้ำลายหรือน้ำมูกที่อาจแพร่เชื้อโรคได้ คราวหลังจะจามก็เห็นแก่คนรอบข้างด้วยการปิดปากสักนิดเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปสู่คนอื่นนะคะ  เอาล่ะ!! ไปดูคลิปกันเลยดีกว่าจ้า

ขอบคุณข้อมูลจาก 
www.google.com
www.Dek-d.com